แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใช้ผู้เล่นเพียง 21 คน ในการลงเล่น 61 นัดกับคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ฤดูกาลก่อน
เมื่อไม่นานมานี้บริษัทรับพนันถูกกฏหมายของอังกฤษ ให้กองเชียร์ของทั้ง 20 สโมสรในพรีเมียร์ฤดูกาล 2023-2024 ลงคะแนนว่าอยากเห็นทีมไหน มีผลงานที่ตกต่ำมากที่สุด ?
คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
แม้จะพ่ายแพ้ในศึกคอมมูนิตี้ ชิลด์ ก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ให้กับ “อาร์เซน่อล” แต่แชมป์เก่าอย่าง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ทริปเปิ้ลแชมป์ในฤดูกาลที่ผ่านมา ก็ได้รับการโหวตคะแนนสูงสุดถึง 24% ที่กองเชียร์อยากเห็นผลงานตกต่ำในฤดูกาลนี้ เพราะที่ผ่านมาประสบความสำเร็จและเก่งเกินไป
เพื่อไขข้อสงสัย ว่า “เรือใบสีฟ้า” หรือ “แมนเชสเตอร์ซิตี้” กดสูตรอะไร ถึงได้ประสบความสำเร็จมากมาย วันนี้ เราเอาข้อมูลของ Transfermarkt มาคลี่ดูกัน
จากสถิติข้อมูล จะพบว่า ในฤดูกาลที่ผ่านมา “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ลงเตะมากถึง 61 นัด แต่พวกเค้าใช้นักเตะน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก คือ ใช้นักเตะหมุนเวียนเพียง 25 คน ในการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์
ส่วนอันดับ 2 เป็นของ “แอสตัน วิลล่า” ที่ใช้นักเตะไป 27 คน ซึ่งมีแมตช์การแข่งขันเพียงแค่ 41 นัด น้อยกว่า “เรือใบสีฟ้า” ถึง 33%
เป็นการสรุปตัวเลขในเชิงรูปธรรมกับข้อสงสัยว่า เพราะขนาดทีมที่ใหญ่ ทำให้ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ได้เปรียบกว่าทีมอื่นหรือไม่
หากเจาะให้ลึกลงในรายละเอียด กลุ่มนักเตะ 25 คนที่ได้ลงสนามนั้น ยังรวมไปถึง “ชูเอา คันเซโล่” ที่มีปัญหากับ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” ก่อนจะโดนยืมตัวไปอยู่กับ บาร์เยิน มิวนิค เมื่อเดือนมกราคาที่ผ่านมา
ไม่นับรวม “จอช-วิลสัน เอสแบรนด์” ที่ย้ายไปโคเวนทรี ช่วงเดือนมกราคมเช่นกัน
โดยกองหลังดาวรุ่งรายนี้ลงเล่นไปเพียง 44 นาทีเท่านั้น
“มักซิโม่ เปร์โรเน่” ดาวรุ่งอีกคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาก็ลงเล่นไปแค่ 20 นาที และ “เชย์ ชาร์ลส์” กับโอกาสสัมผัสกับเกมพรีเมียร์ลีกในนัดสุดท้ายกับเบรนท์ฟอร์ด 27 นาที
เท่ากับว่า เอาเข้าจริง “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” ใช้ผู้เล่นเพียง 21 คน ในการปะทะทุกทีมจนกว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้สำเร็จ
นอกจากนั้นยังมีอีก 2-3 ปัจจัยสำคัญ ก็น่าจะมาจากนักเตะในทีมแทบไม่มีอาการบาดเจ็บ แกนหลักอย่าง “โรดี้” ลงเล่นถึง 60 นัด ขาดเพียงแค่เกมเดียว
สะท้อนให้เห็นว่าเรื่องวิทยาศาสตร์กีฬา แพทย์และสตาฟท์ของทีม ได้ให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูความเหนื่อยล้า และระบบจัดการ ในการฝึกซ้อม เพื่อที่จะให้นักเตะที่มีศักยภาพสูงสุด ด้วยพื้นฐานร่างกายที่สมบูรณ์ ทำให้ง่ายที่จะปรับตำแหน่งในการเล่น จะเห็นได้ชัดตัวอย่าง ที่กลางรับขาดหายไป เป๊ปเลยต้องดันจอห์น สโตนส์ขึ้นมา ปัดกวาดหน้าแผงรับ ซึ่งเขาก็ทำได้ดี อย่างไร้ที่ติ
ทั้งเรื่องจิตวิทยาในทีมของเป๊ป การวางเกม การโรเตชั่นให้เหมาะกับสถานการณ์ รวมถึงการเสริมนักเตะ ซึ่งในยุคหลังจะเห็นได้ว่า เขาจะให้ความสำคัญต่อนักเตะตำแหน่งที่ขาด สารพัดประโยชน์ อย่างล่าสุด การเสีย “กุนโดกัน” ก็ได้ “มัตเตโอ โควาซิช” เข้ามา
ในพื้นที่ริมเส้นของ “ริยาด มาห์เรซ” หลังไปอัล อาห์ลี นั้น ทีมก็เล็ง “คาโอรุ มิโตมะ” จากไบรตัน และ “ไมเคิล โอลิเซ่” ดาวรุ่งพรสวรรค์ของคริสตัล พาเลซ หรือแม้กระทั่งจะดันเด็กเยาวชนที่ฟูมฟักมา 2-3 ปีแล้ว อย่าง “โคล พาร์เมอร์” ผู้ที่ยิงประตูเปิดกล่องเมื่อคืน ให้เล่นอย่างเต็มตัว แบบรุ่นพี่อย่าง “ฟิล โฟเด้น” และที่ Here we go ไปแล้ว กับ “ยอสโก้ กวาร์ดิโอล” ที่มาแทน “ชูเอา คันเซโล่” โดยเจ้าตัวยังเล่นแบ็คซ้ายได้อึก ถือเป็นการเสริมแบบ เนื้อๆ เน้นๆ และเกาถูกที่คัน
แถมยังมีสถิติการเสริมทัพในภาพรวม การใช้เงินของทุกทีม นับตั้งแต่วันที่เขาก้าวเข้ามาในถิ่น เอติฮัต สเตเดี้ยม จะพบว่า เป๊ปใช้เงินในการสร้างความสำเร็จไป 747 ล้านปอนด์ น้อยกว่าเพื่อนร่วมเมืองแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ใช้เงินไป 964 ล้านปอนด์ และเชลซี 846 ล้านปอนด์
เพราะฉะนั้น จากสถิติและปัจจัย ที่กล่าวมาทจึงเป็นคำตอบแบบเป็นรูปธรรมว่า ทำไม แมนฯ ซิตี้ ถึงประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ที่ยังไม่นับรวมความฉลาดระดับอัจฉริยะของผู้จัดการที่ชื่อ “เป๊ป กวาดิโอล่า”
เรียบเรียงโดย : วิศิษฐ์ กาญจโนภาศ อาจารย์ สาขาการจัดการ การกีฬา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตจักรพงษ์ภูวนารถ ติดตามได้ที่
ที่มา : //www.pptvhd36.com/sport/news/202564/
https://www.besoccer.com/new/pep-talk-how-guardiola-s-philosophy-and-methods-have-shaped-manchester-city-1244779
https://www.transfermarkt.com/manchester-city/alletransfers/verein/281